Saturday, July 13, 2013

เที่ยวปารีส (The City Of Lights) ต้นทาง แวนคูเวอร์ แคนาดา

May 23, 2013
วางแผนเที่ยวปารีส ข้อมูลนี้สำหรับเพื่อนๆ เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ

The Eiffel Tower in France
ปารีส เป็นอีกประเทศนึง ที่ผู้เขียนอยากจะไปเยือนมากที่สุด และแล้วฝันก็เป็นจริง 55+ เมื่อคุณสามีบอกว่า ครบรอบแต่งงานปีนี้เราไม่ได้ไปไหน คุณอยากจะไปที่ไหนมากที่สุด ผู้เขียนรีบบอก "ปารีส" ทำงานหนักตลอดเราต้องหาของขวัญให้กับชีวิตบ้าง อีกอย่างป่วยมานานกว่า 2 เดือน ชักเริ่มเบื่อ หาโอกาสไปหาประสบการณ์ท่องเที่ยวแถบยุโรปบ้างก็ดีเหมือนกันน่ะ...อ้อ...จำได้ว่าซื้อหนังสือภาษาฝรั่งเศษฉบับท่องเที่ยวไว้เมื่อ August 11, 1999 กี่ปีแล้วหว่า... 14 ปี ว้าว...นานเกิ้น....(เมืองในฝัน)

หนังสือหัดพูดฝรั่งเศส ที่ซื้อมากว่า 14 ปี
ขั้นตอนต่อไปก็คือ จองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และรถ ช่วงที่รู้แน่ว่าจะเดินทางวันไหนให้ลองเช็คดูราคาตั๋วเครื่องบินบ่อยๆน่ะค่ะ จะประหยัดไปได้เยอะเลย ช่วงที่ลดราคา  เป็นช่วงที่สนุกในการลุ้นมาก เหมือนคนเล่นหุ้น เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวลง แต่ปรากฏว่า วันนึงมีธุระต้องไปที่ mall เดินผ่าน
บริษัทฯทัวร์ เฮ้ย...แพ็คเกจนี้ราคาน่าสน รวมทุกอย่าง ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แวนคูเวอร์-ปารีส ปารีส-แวนคูเวอร์+โรงแรม+รถรับส่งจากสนามบิน-โรงแรม จากโรงแรม-สนามบิน ประหยัดกว่ากันเยอะเลย ถูกกว่าซื้อตั๋วเครื่องบินเดี่ยวๆตั้งเยอะ ไม่ได้การล่ะ ฉั้นต้องรีบจอง...ตกลงก็จองในวันนั้นเลย บินกับ air transat ที่แพลนกันไว้เลยต้องเปลี่ยน แต่ข้อมูล ทำใบขับขี่ ก็ยังไว้คงเดิม เผื่อเพื่อนๆท่านใด สนใจขับรถไปนอกเมืองปารีสน่ะค่ะ

ที่เลือกมี 2 สายการบิน ที่จะไป
ทางเลือกในการเดินทางในปารีส ให้ขับรถ คงไม่ไหวค่ะ
แพลนไว้ว่าจะเช่ารถขับไปเที่ยวทางใต้ สิ่งที่ต้องทำคือ ใบขับขี่อินเตอร์

IDP: International Driving Permit

To be eligible for an International Driving Permit:
1. You must be at least 18 ต้องอายุอย่างน้อย 18 ปี
2. Have a Canadian home address มีที่อยู่ที่แคนาดา
3. A valid driver’s licence. Apply directly to BCAA to get your permit. ใบขับขี่แคเนเดี้ยน ส่งใบสมัครโดยตรงที่ BCAA

BCAA keeps you on the road

Please note: ICBC does not issue International Driving Permits. Contact BCAAexternal link directly to apply for yours. ที่แรกผู้เขียนก็เข้าใจว่า IDP ต้องไปทำที่ ICBC แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ค่ะ ต้องทำที่ BCAA

A Canadian International Driving Permit is a translation of your current valid licence and when accompanied by that licence legally allows you to drive for up to one year in other countries. These permits are not valid in all countries, so check with BCAAexternal linkbefore you travel.

IDP ที่เค้าออกให้จะใช้ได้แค่ 1 ปีนับจากวันที่เค้าออกให้น่ะค่ะ ก่อนเดินทางท่องเที่ยว ข้อควรระวังคือ บางประเทศ บางเมือง อาจใช้ IDP ไม่ได้ต้องเช็คดูจากลิ้งค์ข้างบน BCAA ค่ะ

ทำใบขับขี่อินเตอร์ IDP
How to get an International Driving Permit

First, visit the BCAAexternal link web site and print your International Driving Permit application. Next, visit your nearest BCAA office with the following:
  • Your completed application form
  • A photocopy of both sides of your Canadian driver’s licence
  • Two passport photos (you can get these taken at any BCAA office)
  • The required fee to pay for your International Driver’s Licence
ขั้นตอนการสมัคร IDP ดังนี้ค่ะ
ก่อนอื่นปริ้นใบสมัครได้จากเว็บไซด์ BCAA หรือลิ้งค์นี้ค่ะ http://www.caa.ca/wp-content/uploads/2012/06 /IDP-en.pdf กรอกเอกสารให้ครบ แล้วไปที่ BCAA ออฟฟิท พร้อมกับเอกสารที่ต้องยื่นคือ
1. ใบสมัคร ที่กรอกเรียบร้อย
2. สำเนาใบขับขี่ หน้า-หลัง
3. รูปถ่ายเหมือนรูปที่ถ่ายทำพาสปอร์ต 2 รูป
4. ค่าใช้จ่าย CAD$25

Richmond Lansdowne Centre
ผู้เขียนให้สามี (คุณไมค์) ไปยื่นที่นี่ค่ะใกล้ที่สุด
Richmond (Lansdowne Centre)
618 - 5300 No. 3 Rd.
V6X 2X9
Tel: (604) 268-5850
Fax: (604) 268-5899
Express Auto: (604) 268-5872
Hours
Mon - Fri: 9 - 6
Saturday: 9 - 5

วางแผนกันว่าจะไปเมือง Nice และ Cannes ซื่งทั้งสองเมืองมีชื่อเสียง อยู่ไกลจากปารีสไปทางใต้ แต่สำรวจดูแล้ว หากนั่งรถไฟหรือรถยนตร์ อย่างน้อยก็น่าจะประมาณ 7-8 ชั่วโมง หรืออาจเลือกเดินทางโดยเครื่องบิน คงจะต้องงดล่ะ เพราะไม่ไหว สงสารคนขับ

12 Things You Should Know Before You Visit Paris 
  1. Not all Parisians are rude. Nor do they hate Americans. คนปารีส ก็เหมือนคนในประเทศอื่นๆค่ะมีทั้งดีและไม่ดี
  2. At least try to speak French พยายามฝึกพูดภาษาฝรั่งเศส
  3. Say hello/goodbye when you enter stores and restaurants in French จำได้มั้ยค่ะ เวลาที่มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเมืองไทย เราจะดีใจที่พวกเขาพูดภาษาไทยได้บ้าง ที่ปารีส ก็เหมือนกันค่ะ พยายามหัดพูดฝรั่งเศส คำง่ายๆ เวลาที่เดินเข้าร้านขายของ หรือร้านอาหาร
  4. The Metro is easy to master แนะนำให้ใช้บริการรถไฟฟ้า รวดเร็ว คุณอาจไม่ชิน ครั้ง สองครั้งคุณจะชินและสะดวกที่สุด เที่ยวสุดท้ายหมดเวลา ตี1
  5. Don't rush through a meal เมื่อทานอาหาร ให้ทานให้เสร็จก่อน เพราะเป็นมารยาทของชาวฝรั่งเศส พนักงานจะไม่ยื่นบิลให้เมื่อคุณยังทานอาหารอยู่
  6. Elevate your sense of casual ปารีสเป็นเมืองแฟชั่น แนะนำให้แต่งตัวเหมาะสมกับสถานที่ที่ไปค่ะ
  7. Paris is divided into 20 arrondissements (neighborhoods) แนะนำให้หาซื้อแผนที่ปารีส
  8. Not all things in Paris are expensive ของทุกอย่างในปารีส ไม่แพงเสมอไป
  9. You'll need voltage converters and adapter plugs for your electronics อย่าลืมว่าที่ปารีสใช้ไฟ 220 volts น่ะค่ะ
  10. Public restrooms are not always free...or easy to find ห้องน้ำอาจหายาก และต้องเสียเงิน
  11. August is vacation month in Paris เดือนสิงหาคม เป็นเดือนหยุดพักผ่อนของชาวปารีสเชี่ยนในปารีสทั้งเดือน (ชาวอเมริกัน/คะเนเดี้ยน จะประมาณ 2 อาทิตย์) ร้านอาหารหรือพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่อาจปิด
  12. Taxis are expensive, especially at night หาแท๊กซี่ยาก โดยเฉพาะกลางคืน อาจเพราะรถด่วนเมทโทรรวดเร็วและง่ายต่อการเดินทาง

แนะนำ Fotopedia Paris App ค่ะสะดวกข้อมูลเพียบ
บัตร Museum Pass
เนื่องจากปารีสเป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์และทางการต้องการโปรโมทอย่างมาก จึงมีกฎให้เยาวชน (อายุไม่เกิน 18 ปี) สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ได้ฟรี (ส่วนคนอายุ 18-25 ปี มีส่วนลดให้) แต่ถ้าคุณอายุเกินกว่าที่เขากำหนด และมีโปรแกรมเข้าชมพิพิธภัณฑ์อยู่หลายแห่ง ผู้เขียนแนะนำให้ใช้บัตรเบ่ง Museum Pass ที่ให้คุณสามารถเข้าชมผลงานของศิลปินระดับโลกกว่า 60 แห่งได้ฟรีเลย รับรองว่าคุ้มเกินคุ้มค่ะ ส่วนจุดที่ขายบัตรแห่งนี้จะอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ทั่วไปและ Paris Tourist Office (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ http://www.parismuseumpass.fr)

 ไฟฟ้า
ด้วยความที่ระบบไฟฟ้าของปารีสจะใช้ระบบ (220 โวลต์) เพื่อนๆจากแคนาดาจะเดินทางไป ต้องใช้ที่แปลงไฟพกไปด้วยน่ะค่ะ แต่ถ้าเพื่อนๆจากเมืองไทย โอเชเลยเพราะใช้ระบบเดียวกัน

ไปปารีส ถ้าไม่ช๊อปของแบรนด์เนม มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
ควรจะมีเงินสดเอาไว้สำหรับใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ยิบย่อยเสมอน่ะค่ะ เช่นค่าชา ค่ากาแฟ ค่าน้ำ ค่าโปสการ์ด เป็นเงินจิปาถะ กาแฟบางแหล่งแพงใช่ย่อย ผู้เขียนไปนั่งจิบกาแฟ 2 คนๆละถ้วยรวม 8ยูโรกว่าๆแต่ขอบอกว่ากาแฟ อร่อย รสชาดถูกใจ สมราคา


ปารีสเนี่ย ถ้าไม่เน้นช้อปปิ้งก็เน้นเรื่องกิน
1. ตระเวณกินตามร้านชา ร้านขนม
2. ตระเวณกินอาหารฝรั่งเศส
3.  นี่เลย ชมความสวยงามของปารีส สถาปัตยกรรม สถานที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และ พิพิธภัณฑ์ต่างๆ เช่นไปร้านชามาร์ริยาร์จแฟร์ส ไปร้านขนมลาดูรี ไปร้านกาแฟเก่าแก่ย่านแซงท์แยร์แมงท์เดเพร
ไปนั่งทานอาหารเช้าแบบฝรั่งเศสเลอเปอตีเดเจอร์เน่ตามร้านกาแฟ ไปย่านคนยิวคือมาเร่ส์ ไปละตินควอเตอร์ อะไรพวกๆ นี้ค่ะ ย่านพวกนี้จะน่าเดินกว่าย่านฌ็องเซลิเซ ซึ่งย่านฌ็องเซลิเซ และ แถวๆ ห้างลาฟาแย็ต หรือ แถวๆ มงมาร์ท แถวมูแลงรู้จ แถวลูร์ฟ เป็นต้นเนี่ย นักท่องเที่ยวเยอะมากค่ะ โดยเฉพาะย่านฌ็องเซลิเซ จะมีแต่พวกตะวันออกกลางพวกคนจีน คนเอเชียชาติอื่นๆ และ นักท่องเที่ยวอื่นๆ จาก
ยุโรป เยอะมาก ส่วนพวกกรุ๊ปทัวร์อเมริกัน ก็มักจะเจอตามย่านท่องเที่ยวเช่นกัน ปกติแล้วเวลาไปปารีส จะพบกรุ๊ปทัวร์อเมริกันเยอะมาก ส่วนใหญ่เสียงดังค่ะ กรุ๊ปทัวร์จีนก็เสียงดัง วุ่นวาย


เวลาไปเดินปารีส สังเกตให้ดีค่ะ คนจีน คนตะวันออกกลาง และ คนไทย จะถือถุงแบรนด์เนมกันคนละหลายใบมากๆ และ ถ้าไปห้างลาฟาแย็ต ที่เคาน์เตอร์/ที่ร้าน Longchamp ภายในลาฟาแย็ต จะมีแต่คนไทย กับ คนจีน ต่อคิวกัน หลายสิบคน หรือ เป็นร้อยคนค่ะ

ลองไปตลาดเก่าในปารีส ถนน ชองเอลิเซ วันอาทิตย์ จะมีสินค้า วินเทจ มาขาย ที่นี่มีของเก่า ราคาถูก ให้คุณเลือกนะ

ถ้าเที่ยวแบบประหยัด และชอบดูอะไรสวยๆนะคะ ปารีสน่ะ เดินไปทั่วตามซอกตามมุม มีให้ชมมากมาย อย่ามองแต่แหล่งนักท่องเที่ยว จะได้เห็นอะไรสวยๆเยอะแยะ
Place des Vosges
Musee d'Orsay
Musee Rodin





ข้อควรระวัง การถือถุงแบรนด์เนมเยอะๆ ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของเหล่ามิจฉาชีพมากขึ้นไปอีก
ซึ่งเหล่ามิจฉาชีพมักจะอยู่ตามย่านท่องเที่ยวหลักๆ และ ในเมโทร/รถไฟใต้ดิน นักท่องเที่ยวจากเอเชียมักจะตกเป็นเหยื่อของ เหล่ามิจฉาชีพในยุโรป โดยเฉพาะในอิตาลี่ สเปน ฝรั่งเศส เสมอค่ะ พวกของที่ระลึกตามร้านขายของที่ระลึกส่วนใหญ่ทำจากจีนนะคะ เลือกร้านด้วยถ้าจะซื้อ

ถ้าไปห้างแกลเลอรี่ ลาฟาแยตต์ (Galleries Lafayette) เป็นห้างดังในกรุงปารีส ตบแต่งอย่างหรูหรามาก มีโดมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง มีแต่ของแบรนด์เนมเต็มไปหมด ถ้าไม่สนหรือไม่ต้องเสียเงินแนะนำให้ไปซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ชั้นบนค่ะ ไปหาของอร่อยๆ รับประทาน เช่นพวกชีส โคลด์คัทต่างๆ กาแฟ ขนมอร่อยๆ ค่ะ

  
แนะนำให้ซื้อปารีส พาส ประหยัดเวลามากไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋ว ตั๋วนักเรียนบางที่ๆ ให้เข้าฟรีก็คือต้องไปต่อคิว เสียเวลามากมาย แล้วก็ควรตื่นเช้าเป็นอย่างยิ่งค่ะ พวกแวร์ซายและลูฟร์นี่ถ้าเข้าได้ตั้งแต่เพิ่งเปิดจะประหยัดเวลามากๆ ไม่ต้องรบกับคนมากมายมหาศาล ออกมาช่วงบ่ายไปทำอย่างอื่นต่อได้อีกด้วย



ถ้าสะพายเป้อย่าสะพายไว้ด้านหลังนะคะ ระวัง พวกคนดำ ที่เข้ามา ผูกข้อมือ และพวกผู้หญิงแขกขาวที่เข้ามาขอลายเซนต์แบบถือแฟ้มอะค่ะ อย่าไปสนใจ อย่าไปเซนต์หรือยอมให้ผู้ข้อมือเด็ดขาดค่ะ มิจฉาชีพดีๆนี่เอง

ถ้าจะซื้อน้ำหอมให้ไปซื้อที่ ลุฟ มิวเซียม ..จะมีร้านขายน้ำหอมขวดละ 200 กว่าบาท หอมมากด้วย...ใช้เงินตกวันละ 100 ยูโร ( 2 คน ) นะ แค่ค่ากิน อย่างเดียว......กับน้ำ...ควรไปซื้อน้ำขวดใหญ่ใน ซุปเปอร์มาเก็ตแล้วมาแบ่งใส่ขวดเล็กเอาเพราะว่าซื้ิอขวดเล็กแพง ไปเที่ยวที่ไหน หิ้วน้ำไปซักขวดก็ดีค่ะ แก้กระหาย และถึงมีเงินก็ต้องไปต่อคิวยาวเชี๊ย...คุณไมค์ไปต่อคิวซื้อน้ำประมาณ 20 นาที ได้มา 3 ขวดเล็ก รวมแล้วเกือบ 10 ยูโร แพงเอาเรื่อง...


ไปปารีส ต้องไปเที่ยว 10 สถานที่ ที่ทำให้คุณๆท่าน สัมผัสกับความเป็น ปารีส อย่างแท้จริง

1. ชมทิวทัศน์จากหอไอเฟล
หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศสที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ทั้งยังเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย ตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล" ในปี พ.ศ. 2549 หอไอเฟลสูง 324 เมตร (1,063 ฟุต) หรือสูงเท่ากับตึก 81 ชั้น หากนักท่องเที่ยวคนใดไม่ได้ไปเยือนหอไอเฟล ถือว่าไปไม่ถึงฝรั่งเศสเลยทีเดียว เค้าว่าอย่างนั้นค่ะ แต่ก็เห็นด้วยน่ะค่ะ

ภาพเก่าขณะก่อสร้างหอไอเฟล
ภาพหอไอเฟล กลางคืน
หอไอเฟลมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก (โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน) แนะนำให้คุณไปเที่ยวชมช่วงเช้าหรือหลัง 6 โมงเย็น หรือในวันธรรมดา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรอคิวเป็นเวลานานค่ะ เผื่อมีเวลาเหลือ จะได้ไปเที่ยวชม ที่อื่นต่อ..

2. นั่งรถชมวิว รอบเมืองปารีส (Double Decker Bus Tour in Paris)

Double Decker Les Cars Rouges Bus Tour in Paris
การนั่งรถทัวร์ชมกรุงเป็นอีกทางนึงที่จะรู้สึกถึงการมาเยือนปารีส โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวที่มาปารีสเป็นครั้งแรก เพราะที่นี่จะมีรถทัวร์ที่เรียกกันว่า L'Open ทัวร์ ซึ่งเป็นรถทัวร์ที่มีดาดฟ้าอยู่ข้างบน เพื่อให้คุณได้ชมเมืองปารีสอย่างไม่มีอะไรบดบังสายตาเลย

























นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋ววันเดียวหรือสองวันก็ได้ สำหรับการนั่งรถชมเมืองใน 4 เส้นทาง โดยทันทีที่คุณซื้อตั๋วแล้ว ทางรถทัวร์จะมีชุดหูฟังให้คุณ เพื่อใช้ในการเสียบต่อกับแจ็คที่อยู่บริเวณด้านข้างของเบาะที่นั่ง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถฟังบรรยายไปตลอดการเดินทาง โดยเลือกฟังได้ถึง 8 ภาษา คือ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอิตาลี ภาษาเยอรมัน ภาษาสเปน ภาษารัวเซีย และภาษาจีน


สำหรับเคล็ดลับในการนั่งรถทัวร์ชมกรุงปารีสนั้น แนะนำให้คุณลองใช้บริการในวันธรรมดาหรือเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์จะดีที่สุด เพราะหากใช้บริการในช่วงเวลาอื่นคนจะแน่นมาก และคุณอาจจะได้ยืนในห้องยืนที่จัดไว้รองรับเวลาที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้ หากคุณใช้บริการช่วงคนน้อย คุณสามารถที่จะเปลี่ยนแจ็กหูฟังของคุณได้ในกรณีที่ใช้หูฟังต่อกับแจ็กบางตัว ไม่ได้อีกด้วย











3. พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (The Louvre Museum)
 เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังหลวงมาก่อน จัดแสดงศิลปะที่มีคุณค่าระดับโลกมากมาย เช่น ภาพเขียนโมนาลิซ่า ผลงานของต่าง ๆ ของเลโอนาร์โด ดาวินซีแลอเล็กซานดรอส นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมมากที่สุดใน กรุงปารีส ดังนั้น คุณจึงไม่ควรพลาดในการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งนี้ค่ะ





4. ถนนช็องเซลีเซ และประตูชัย นโปเลียน (Champs Elysees & Arc de Triomphe)
อาเวอนูว์เดช็องเซลีเซ เป็นถนนในเขตที่ 8 ของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นย่านการค้าที่ประกอบด้วย โรงละคร คาเฟ่ และร้านค้าหรูหรา สองข้างทางมีต้น เกาลัด ที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม ปลูกเรียงราย ชื่อ "ช็องเซลีเซ"


 
ช็องเซลีเซได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก (La plus belle avenue du monde) โดยมีอัตราค่าเช่าสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี สำหรับพื้นที่ 1000 ตารางฟุต (93 ตารางเมตร) สูงที่สุดใน ยุโรป 

5. โบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ (Sainte Chapelle)
โบสถ์แซงต์ ชาแปลล์ ซึ่งเป็นโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวปารีส สร้างในสไตล์กอธิค มีการประดัประดาด้วยกระจกสวยงามมากมาย จนนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมต่างยอมรับว่ากระจกที่ใช้ตกแต่งโบสถ์มีความ งดงามที่สุด ยิ่งเมื่อแสงจากภายนอกส่องเข้ามา ยิ่งทำให้มองเห็นลายกระจกชัดเจนและสวยงามมาก





 สำหรับคำแนะนำในการเยี่ยมชม ควรเยี่ยมชมช่วงเช้าดีที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวไม่เยอะ หากไปช่วงอื่นต้องรอคิวเยี่ยมชม เพราะโบสถ์แซงต์ ชาแปลล์เป็นโบสถ์ขนาดเล็กมาก

6. ลองเรือในแม่น้ำแซน ชมพระอาทิตย์ตกดิน (Sunset River Cruise on the Seine)

 การล่องเรือในยามใกล้ค่ำเป็นทางเลือกที่ดีมาก หากคุณอยากจะชมทิวทัศน์ยามราตรีของกรุงปารีส โดยเรือจะล่องจากหอไอเฟล ผ่านสถานที่ที่น่าสนใจสองฝั่งแม่น้ำเซน รวมถึงผ่านโบสถ์นอทเทอร์ดัมด้วย
สำหรับเคล็ดลับของการนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตกดินนั้น แนะนำให้คุณไปก่อนเวลาขายตั๋ว เพื่อที่จะได้เลือกที่นั่งหลังก่อนนักท่องเที่ยวคนอื่น ซึ่งที่นั่งด้านหลังสุดนี้จะเป็นบริเวณที่ไม่มีหลังคา ไม่ล้อมด้วยกระจก และบริเวณนี้คือจุดที่ดีที่สุดสำหรับการถ่ายภาพสวย ๆ ของเมืองปารีสยามพระอาทิตย์ตก
   
ปารีส city of lights and Love
วันแรกของการเดินทางวันพุธ July3, 2013
เตรียมกระเป๋า ใบใหญ่ 2 ใบ carry on คนละใบ ออกจากบ้าน บ่ายสามโมงครึ่ง ได้คุณลุงใจดีเพื่อนบ้าน ขับรถไปส่งที่สนามบินแวนคูเวอร์ เช็คกระเป๋าเรียบร้อย เข้าไปรอที่ประตู D71 นั่งทานข้าวกันซักพัก กลับมาเข้าแถวผ่านซีเคียวลิตี้ โอมายกอด แถวยาวเป็นประวัติการณ์ เวลาที่จะบอดดิ้งอีกแค่ชั่วโมงเดียว หลายๆคนกังวลว่า คงจะตกเครื่องแหง๋ รวมทั้งเราสองคนด้วย แต่ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานกันได้อย่างรวดเร็วเหลือเกิน รอประมาณ 20 นาทีเราก็ผ่านด่านได้

 
มีเวลาครึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องบินจะออก ไม่เคยเดินทางโดยสายการบิน Transat เลยแต่ อืม....ลำใหญ่กว่าที่คาดการณ์ไว้เยอะ เครื่องบินออกจากสนามบินแวคูเวอร์ืมุ่งสู่ปารีส รวดเดียวถึง คนเต็มลำ รวมเวลาเดินทางทั้งหมด 9 ชั่วโมง 15 นาที เวลาท้องถิ่นที่ปารีส ประมาณบ่ายโมง แต่เวลาที่แวนคูเวอร์ แคนาดา เป็นเวลาตี 3 ยังง่วงอยู่ ถึงสนามบิน GDC มีรถตู้จากโรงแรม Adiago ถือป้าย Transat มารับ ถ้าคุณๆจะมาเที่ยว แนะนำให้จองรถรับ-ส่ง น่ะค่ะจะไม่เสียเวลารอนาน เพราะเห็นแถวยืนรอรถแท๊กซี่ นานมากๆๆ รอรถไฟฟ้าก็คงจะเต็มเช่นกัน เรานั่งรถตู้จากสนามบิน ถึงโรงแรม ใช้เวลา 45 นาที สังเกตุรถบนถนน ส่วนใหญ่รถที่ชาวฝรั่งเศสใช้ จะเป็นรถเล็กๆน่ารักหรือไม่ก็ มอเตอร์ไซด์ ล้อหน้ามี 2 ล้อแปลกดีค่ะ






ป้ายทะเบียนรถก็จะยาวกว่าประเทศอื่นๆถึงโรงแรมที่พักโดยสวัสดิภาพเวลา บ่ายสองกว่าๆ เช็คอิน แต่พนักงานบอกว่า ห้องจะเรียบร้อยเวลา บ่ายสาม เลยฝากกระเป๋าไว้ที่เคาท์เตอร์ แล้วพากันเดินสำรวจบริเวณแถวๆนั้นว่ามีอะไรบ้าง เดินไปซักพัก ไปเจอจักรยานจอดเรียงรายเยอะมาก แอบถ่ายรูปเป็นที่ระลึกถ้าจะเช่าจักรยาน ง่ายนิดเดียวค่ะ เพียงแค่หยอดเหรียญยูโร ชั่วโมงละ 2 ยูโร ก็ถือว่าไม่แพงมาก เค้าไม่กลัวหายน่ะ สันนิษฐานเองว่าจักรยานให้เช่า มีให้เห็นทั่วเมือง น่าจะเป็นของรัฐบาล


เดินไม่นานไปเจอซุปเปอร์มาเก็ต ชื่อ Monoprix มีอยู่หลายที่ น่าจะเหมือน Super store in Canada น่ะค่ะคนเยอะมว๊าก...เอ...ต้องไปสำรวจตลาดแล้วเรา ไมค์ตื่นเต้นจนออกนอกหน้า เมื่อผ่าน CHEESE SECTION ผ่านไวน์มีให้เลือกมากมาย ราคาไวน์ถึงแม้ค่าเงินยูโร ขณะนั้น cad$1:1.40 ยูโรแต่ก็ยังถูกกว่าไวน์ในแคนาดา ขั้นสำรวจตลาดเราสองคนได้น้ำเปล่าขวดเล็กมา 6 ขวด จ่ายค่าน้ำแค่ 1 ยูโร/6 ขวด น้ำผลไม้ เบียร์มาครึ่งโหล สำหรับคุณผู้ชาย กลับโรงแรมที่พักด้วยความอิดโรย


เพราะนั่งเครื่องนาน เวลาที่ต่างกัน สำรวจห้อง ห้องครัวมีครบทุกอย่าง เช่น เครื่องล้างจาน ตู้เย็น ไมโครเวฟ เครื่องทำกาแฟ เครื่องปิ้งขนมปัง กาต้มน้ำไฟฟ้า เตารีด เครื่องเป่าผม ตู้นิรภัย ทีวี โทรศัพท์ โดยเฉพาะวิว สวยมาก โรงแรมมีสองตึกใหญ่ๆ ตึกละ 31 ชั้นเราได้ที่พักชั้นที่ 29 ตึกนี้จะมองเห็น หอไอเฟล เมืองที่สวยงามอย่างชัดเจน

ตามภาพที่ปรากฏค่ะ ทุกอย่างดีหมด เพอร์เฟค แต่เสียอยู่อย่างเดียวไม่มี wifi แป๊ก หมดกันโรงแรมขนาดใหญ่ไม่มีไวไฟ

จากห้องพัก มองเห็นหอไอเฟล และเมืองปารีส อย่างชัดเจน ไม่ต้องไปเสียเงินขึ้นหอค่ะ
ล้างหน้าล้างตากัน ไม่อาบน้ำอ๊ะ เดี๋ยวจะไม่ทันของฟรี แพ็คเกจที่เราจองตั๋วเค้าแถม boat ride sight seeing ให้ จากโรงแรมที่พักเราสองคนออกเดินไปเรื่อยๆข้างๆแม่น้ำแซน เดินไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง หอไอเฟล ลงเรือขนาดใหญ่ จุคนได้เยอะมาก บนเรือ เราเลือกที่นั่งข้างๆกาบเรือ ง่ายในการถ่ายรูป บอกต้ง... ตลอดเส้นทางทัวร์สวยงาม ประทับใจตั้งแต่วันแรกที่มา เก็บภาพได้เยอะทีเดียวเชียว ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง


เพื่อนๆจะมาเที่ยวปารีส แนะนำน่ะค่ะ ให้ท่องเที่ยวทางนี้ หลังจากนั้นเราก็เดินไปที่ฐานของหอไอเฟล นักท่องเที่ยวจากทุกทั่วสารทิศ เยอะมาก ผู้เขียนไปยืนอยู่ที่ฐานของหอ ความรู้สึกตอนนั้นคือ ความฝันของเราสมัยเด็ก และการรอคอยตลอดระยะเวลา 14 ปี ตั้งแต่ซื้อหนังสือท่องเที่ยวฝรั่งเศสแบบพกพามา เป็นความจริงก็วันนี้เอง ยังๆยังไม่เก็บภาพเรากับสถานที่ ที่เราอยากมาสัมผัสในวัยเด็ก วันนี้หร๊อก ไว้รอ น้องสาวกับหลานสาว ที่จะเดินทางจากอังกฤษมาถึงปารีส ในวันพรุ่งนี้ เดินทอดน่องกลับโรงแรม ผ่านร้านอาหาร ชักเริ่มหิวเลยแว๊ะทานพิซซ่า ของหวานก็ เครบ บางๆกับแยมสตรอเบอร์รี่ ของกิน ที่พัก ราคาบัตรผ่านเข้าพิพิทธภัณฑ์ และอื่นๆ เท่าที่ทราบๆกันอยู่ แพงมาก พยายามประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด
กลับถึงที่พัก ก็เล่นเอาสองเฒ่าหอบกันเลยที่เดียว อาบน้ำว่าจะรอดูไฟจาก หอไอเฟล เพราะที่นี่หน้าร้อน 3 ทุ่ม 4 ทุ่มยังสว่างอยู่เลย ความง่วง เหนื่อยจากการเดินทาง ไม่ไหวแล้ว นอนเล่นเกมส์จากไอแพด หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

Friday July 4, 2013
ตื่นเช้าม๊าก ตีสี่ ไม่มีไรทำ ไม่มีไวไฟ ไม่ได้เช็คเฟส เลยมานั่งบรรยายการเดินทาง ท่องเที่ยวคราวนี้ไม่ได้วางแผนกัน ว่าวันไหนจะไปไหน เพราะต้องรอน้องกับหลาน แต่ที่แน่ๆคือ ต้องพาเด็กไปเที่ยวดิสนี่แลนด์ปารีสแน่นอน เซทวันไว้จะไปกันวันเสาร์ที่ 6 อากาศทั้งอาทิตย์ประมาณ 15-30c แจ๊คเกตไม่ต้องถือไปให้หนัก ประมาณ 8 โมงเช้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ดื่มกาแฟจากที่พักกะว่าจะไปเดินสำรวจดูว่าจะเที่ยวทางไหนดี ทางรถไฟฟ้า จักรยาน หรือรถไซท์ซีอิง สำรวจรถใต้ดินซักพัก แว๊ะสั่งกาแฟถ้วยโปรด ซื้อของที่ระลึกแก้วสตาร์บัค
คุณลุงอยากเป็นนายแบบให้ ไม่ยอมหนีเลย 55
 จึงมาลงเอยกันที่ เช่ารถจักรยานซัก 2 ชม จักรยานเช่าจะมีทั้งหมด 15 จุดด้วยกันในปารีส ถ้าจะเช่าให้อ่านดูค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อยและเข้าใจน่ะค่ะ ข้อมูลแรกของวันแรกที่เขียนเป็นการคาดเดา วันนี้เป็นประสบการณ์จริง จักรยานแต่ละคันจะมีที่ล๊อก


และจะต้องใช้บัตรเครดิตเท่านั้น ครึ่งชั่วโมงแรกเลยจะชาร์ต ประมาณ 1.57 ยูโร 2-21/2 จะชาร์ตที่ 2 ยูโร ชั่วโมงที่ 3-31/2 อีก 4 ยูโร ถ้าเกินจากนั้นสมมุติว่า เราใช้รวมทั้งสิ้น 5 ชม รวมต่อคันก็จะคิด 2+2+4= 8 ยังค่ะมาดูที่เกินไป ทุกครึ่งชั่วโมงเกินมา 2 ชม คิดแต่ละครึ่งชั่วโมง 4 ครั้ง= 4+4+4+4= 16 แล้วนำมาบวกกับ 8=24+ค่าบริการทุกคันเลยต้องเสียก่อนประมาณ 8ยูโร นำมาบวกกับ 24+8= รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 32 ยูโรต่อคัน ก่อนที่จะทำรายการที่ตู้ให้เช็คสภาพจักรยานก่อนน่ะค่ะว่า ยางแบน มีไฟ ล้อคด ไอ้โน่นไอ้นี่ ชำรุดหรือเปล่า เค้าจะหักเงินประกันในบัตรเครดิตของคุณ คันละ 150 ยูโร เพราะหลังจากที่คุณส่งจกรยานแล้วให้ทำรายการจากตู้แล้วล๊อคให้เรียบร้อย ให้สังเกตที่เครื่องล๊อกไฟที่ปรากฏบนเครื่องต้องเป็นสีเขียว ถ้าไม่ระวังตรงจุดนี้ เวลาคุณกลับบ้านบิลใบเรียกเก็บเงินจากบริษัทเครดิตมา คุณอาจหงายหลังล้มตึงอีกก็ได้ เฮ้ย....ค่าไรอีกละเนี่ย ปารีสไม่หมูน่ะค่ะ อยู่ยากเค้าบอกว่าคนปารีสขี้เหนียว เรื่องของจักรยานคนที่ทำงานที่นี่จะใช้กันค่อนข้างเยอะ เพราะประหยัด ถ้าเช่าไม่นานก็จะถูก





กลับมาที่โปรแกรมของเราต่อค่ะ อากาศเช้าๆค่อนข้างเย็นกะว่าเดี๋ยวเอาเสื้อแจ๊คเกตไปด้วยดีกว่า แต่มาคิดดูจะเป็นภาระเปล่าๆเพราะอากาศสายๆก็คงร้อนมากๆขี่จักรยานไปเดี๋ยวก็เหงื่อตก เลยตกลงกันว่าไม่เอาไปดีกว่า เราไปทุกที่ที่ว่าสำคัญๆ เริ่มต้นเลยที่หอไอเฟล พิพิธภัณฑ์ลูฟ จะมีเลนสำหรับจักรยานให้แต่ต้องระวังให้มากเพราะนักท่องเที่ยวเค้าอนุโลมให้ แต่คนปารีสก็ไม่เห็นมีใครใส่หมวกกันน๊อคกันเลยน่ะ หลังจากที่เหนื่อยล้า กับการทัวร์ทางจักรยานมาทั้งวัน จบการเดินทางจาก 9 โมงเช้ายันบ่าย 3โมงครึ่ง ปวดแขนปวดขาสุดๆเข้าที่พักนอนเล่นได้งีบนึก


ถึงเวลาที่น้องกับหลานมาถึงเครื่องลง 5โมง15 เย็นกว่าจะรอกระเป๋า รอรถรับ-ส่งเราจองตั๋วของบริษัท Paris shuttle bus แนะนำให้ใช้บริการค่ะจะถูกกว่ารถแท๊กซี่ จากสนามบินมาที่นี่ก็ใช้เวลาประมาณ 45 นาที พาน้องกับหลานไปเดินที่ supermarket Monoprix ได้เวลาพักผ่อนกลับที่พัก บรรยากาศจากหน้าต่างห้องสุดคุ้ม จะมองเห็นหอไอเฟลได้อย่างค่อนข้างชัด กลางคืนประมาณ 4 ทุ่มจะเปิดไฟ หลังจากนั้นทุกๆชั่วโมงจะเปิดไฟวิ่ง ซัก 5-10 นาทีไฟวิ่งจะปิด ไม่แน่ใจว่าไฟเค้าเปิดถึงกี่โมง แต่คาดเดากันเอาเองว่าน่าจะถึงประมาณตีหนึ่ง วันแรกพลาดไปไม่เห็นไฟจากหอไอเฟล เพราะเหนื่อยจากการเดินทาง นอนตั้งแต่ยังไม่มืดประมาณ 3 ทุ่ม หน้าร้อนจะเมิดช้าเค้าถึงเปิดไฟ ตอนสี่ทุ่ม วันที่สองตัวผู้เขียนเองเคลิ้มจะหลับ แต่คนข้างๆปลุกให้ดูไฟเลยได้เห็นจากที่ไกล ยังสวยขนาดนี้ ตื่นตาตื่นใจจริงๆ จากเมื่อวานจนถึงวันนี้วันที่สองเรียนรู้อะไรต่างๆอีกมากมาย เค้าถึงบอกกันว่า การท่องเที่ยวคือการเรียนรู้ชีวิตอีกอย่างนึง ขอจบเรื่องเล่าวันนี้เพียงแค่นี้น่ะค่ะ ราตรีสวัสดิ์

Saturday July 6, 2013
ตื่นเช้าเช่นเคยตี 4 ดื่มกาแฟ นั่งเขียนบันทึก อือ...แฮ๊ะ โรงแรมนี้ไม่มีไวไฟก็ดีน่ะ จะได้มีเวลาเขียนบันทึกการเดินทาง ได้ละเอียดขึ้นมาอีกหน่อย ไม่งั้นผู้เขียนก็คงจะใช้เวลาหมดไปกับการเสิร์จโน่น นี่ นั่นทางอินเตอร์เนตไปเรื่อยเปื่อย วันนี้อีกเช่นเคย เข้าสู่วันที่สาม เดินไปหาน้องและหลานที่โรงแรมโนโวเทล


ซึ่งอยู่ไม่ไกล เดินแค่ 5 นาทีก็ถึง ต่อจากนั้นเราก็พากันเดินต่อไปที่หอไอเเฟล ดีหน่อยที่หอไอเฟล ไม่ไกลจากที่พักของเรา เดินไปได้ทุกวัน วันนี้นักท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ พากันไปยืนรอคิวเพื่อที่จะขึ้นไปชมเมืองชั้นบนสุดที่หอ แต่แถวยาวเหลือเกิน น่าจะต้องรอเกินสองชั่วโมงแน่ๆน้องกับหลานบอกกลัวความสูงไม่ยอมขึ้นไปด้วยกัน เราสองคนก็เลยเปลี่ยนใจ เรายังมีเวลาเหลือเที่ยว อีกตั้งหลายวัน ไว้ขึ้นไปวันอื่นก็ได้นี่นา จึงตัดสินใจไปทานกลางวันกันดีกว่า ราคาอาหารและอื่นๆที่นี่ค่อนข้างแพง หลังจากนั้นก็พากันเดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย เวลาข้ามถนนให้ระวังอย่างมาก เพราะคนขับรถที่นี่ไม่ชะลอให้คนข้ามถนนเหมือนแคนาดาน่ะค่ะ เปรียบเทียบกับแคนาดาแล้วต่างกันแบบเรียกว่าตรงกันข้าม แคนาดาแม่เจ้าพระคุณเดินอ้อยอิ่งเหมือนเดินจงกลม 55 จริงๆ วันนี้คนเยอะสุดๆอากาศก็ร้อนสุดๆเช่นกัน เดินบ้างพักทานไอติมบ้าง ใครว่าท่องเที่ยวไม่เหนื่อย ก่อนเที่ยวคุณต้องฟิตร่างกายให้ดีน่ะค่ะ เตรียมให้พร้อมทนทุกสภาวะ ไม่งั้นคุณอาจเจ็บป่วยได้ กลับถึงที่พักทุกคนลงความเห็นกันว่า ขอนอนซักงีบ แล้วตอนทุ่มตรงค่อยมาเจอกันใหม่

หลังจากพักผ่อนหายเหนื่อยแล้วเราพอจะมีแรงขึ้นมาอีกหน่อย พาหลานไปเล่นที่สนามเด็กเล่น สองทุ่มกว่าชักเริ่มหิว ไปร้านอาหารก็ต้องรอนานเพราะคนเยอะทุกที่ กะจะเดินช๊อปปิ้งหาอะไรไปทำทานกันเองที่โรงแรมก็ไม่ไหว เห็นคนในซุปเปอร์มาเก็ตแล้ว ต้องถอนหายใจ อย่ากระนั้นเลยไปหาลุงแมคฯดีกว่า เดินไปแค่ห้านาทีก็ถึง แมคฯที่นี่แพงกว่าที่ๆเราอยู่มาก แต่เร็วทันใจรอไม่ถึงห้านาทีพร้อมเสริฟ หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน ได้เวลากลับไปพักผ่อนนอนหลับ เพื่อเตรียมตัวพาหลานสุดแสบไปดิสนี่แลนด์ปารีส วางแผน นัดแนะกัน ต้องพร้อมเดินทางที่เวลา 7:30 am. เพราะก่อนที่จะตกลงกันว่าจะเดินทางรถไฟฟ้าดี หรือรถบัส ตกลงกันที่รถไฟฟ้าดีกว่า เร็วกว่าประหยัดกว่า เหนื่อยน้อยหน่อย เพราะระยะทางจากที่เราพักอยู่ไกล ต้องใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ

Sunday July 7, 2013
วันนี้ตื่นมาตอนตีสาม แฮ๊ะๆแล้วก็ต้องกลับไปนอนต่อได้อีกงีบ อาบน้ำแต่งตัว พากันออกเดินไปที่รถไฟฟ้าใต้ดิน เดินไม่ถึง 10 นาทีนั่งรถไฟสองต่อใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆก็ถึงดิสนีแลนด์ ค่ารถไฟฟ้า เค้าเรียก Metro ผู้ใหญ่ 3 เด็ก 1 (เด็กไม่เสีย) จ่ายไป 21 ยูโร ไป-กลับก็ 21+21=42 ยูโร แพงโขอยู่เหมือนกัน ค่าเข้าไปดิสนี่แลนด์ คนละ 79 ยูโร โฮ๋...นี่ก็สุดแพง แต่เราใช้บัตรลดซึ่งหาได้จากที่โรงแรมที่คุณพัก ลดไปได้ประมาณ คนละ 11 ยูโร ประหยัดไปตั้ง 33 ยูโร เอาไว้เป็นค่ากาแฟ อาหารเช้าล่ะกัน เรา4 คนใช้เวลาอยู่ที่นั่น 5 ชม. จาก 9โมงเช้ายันบ่ายสองกลับถึงที่พักต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน ตัวเราเองหลับตั้งแต่ตอนเย็น น่าจะซักประมาณ 6โมงเย็นจนถึง ตีหนึ่งตื่นขึ้นมา แล้วก็หลับต่อ




















Monday July8,  2013
วันนี้น้องกับหลาน ต้องเดินทางกลับอังกฤษกันแล้ว ใช้เวลาบินแค่ชั่วโมงเดียว จากปารีสไปอังกฤษ เหมือนบินไปเชียงใหม่ แต่เวลาที่แตกต่างกัน 1 ชั่วโมง เครื่องบิน take off เวลา 18.15 pm ไปถึงอังกฤษก็ประมาณ 20.15 pm วันนี้จะพักผ่อน สบายๆ มากกว่า เดินเล่น ดื่มกาแฟ นั่งชมวิว จิบไวน์ จิบเบียร์ ดูผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา ตามเรื่อง

Tuesday July 9-Thursday July11, 2013
หายเหนื่อย พากันไปท่องเที่ยวทางรถ L'Open Tour ดีกว่าวันนี้ อากาศร้อนสุดๆ ถ่ายรูปมาเยอะพอสมควร แฮ๊ะๆ ชักเริ่ม Busy ม๊ะมีเวลาเขียนต่อแล๊ะจบเอาดื้อแบบนี้แหล๊ะ...ท่านผู้อ่าน 
ด้วยรัก
NashaCor